เทพทาโร (ข่าต้น)

  • เชื่อวิทยาศาสตร์ Cinnamomum porrectum (Roxb.) Kosterm. 
  • ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Cinnamomum parthenoxylon (Jack) Meisn. จัดอยู่ในวงศ์อบเชย (LAURACEAE) 
  • สมุนไพรข่าต้น มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า พลูต้นขาว (เชียงใหม่), เทพทาโร เทพธาโร (ปราจีนบุรี), กะเพาะต้น กระเพราต้น พลูต้น (สระบุรี), ข่าต้น (กรุงเทพฯ), ตะไคร้ต้น (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), จะไคหอม จะไคต้น จะไค้ต้น (ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ), จวง จวงหอม ไม้จวง (ภาคใต้), มือแดกะมางิง มือแดกะมาริง (มลายู-ปัตตานี), เซียงจาง หวางจาง (จีนกลาง) เป็นต้น
ลักษณะของข่าต้น ต้นข่าต้น จัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ บางต้นอาจสูงได้ถึง 25 เมตร เนื้อไม้จะฟ่ามเบาเป็นสีน้ำตาลอ่อน ๆ และมีกลิ่นหอมฉุน ร้อน ๆ คล้ายกลิ่นการบูรหรือคล้ายกลิ่นของเทพทาโร พบขึ้นทั่วไปตามป่าเชิงเขา มีมากตามเชิงเขาสระบาปและบ้านอ่างจังหวัดจันทบุรี และตามป่าจังหวัดปราจีนบุรี สระบุรี ซึ่งชาวบ้านในจังหวัดปราจีนบุรีจะเรียกต้นไม้ชนิดนี้ว่า “เทพทาโร” (ออกเสียงว่า เทบ-พะ-ทา-โร) กลับกันกับจังหวัดอื่น ๆ 
          ใบข่าต้น ออกใบดกและหนาทึบเป็นไม้ร่มได้ดี ใบเป็นใบประกอบ ออกเรียงสลับ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 3-6 เซนติเมตร และยาวประมาณ 6-12 เซนติเมตร มีเส้นใบคล้ายขนนก เรียงเป็นคู่ประมาณ 6-8 คู่ มีกิ่งขนาดเล็ก 
          ดอกข่าต้น ดอกมีขนาดเล็ก ออกเป็นช่อคล้ายร่ม กลีบดอกมี 6 กลีบ กลีบดอกนั้นมีลักษณะเป็นรูปไข่ สีขาวอมเขียว ภายในดอกมีขนเล็กน้อย ดอกมีเกสรเพศผู้ 9 อัน 
          ผลข่าต้น ผลมีลักษณะเป็นรูปกลมไข่กลับสีดำ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6-8 มิลลิเมตร ตรงขั้วเมล็ดจะมีสีแดง รูปเป็นแบบลูกกลมสามเหลี่ยม

ข้อควรรู้ : พรรณไม้ชนิดนี้จะมีลักษณะต่างกับต้นเทพทาโร คือ เทพทาโรนั้นจะมีเนื้อไม้เป็นสีน้ำตาลอ่อน มีจำหน่ายตามร้านสมุนไพรทั่วไป

สรรพคุณของข่าต้น
  1. เนื้อไม้มีรสเผ็ด มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ (เนื้อไม้)
  2. ตำรับยาแก้ไข้หวัด แก้ไอ อาการไอเรื้อรัง ตัวร้อน ออกหัดตัวร้อน ให้ใช้เมล็ดข่าต้นประมาณ 5-6 กรัม นำมาบดให้เป็นผงชงกับน้ำรับประทาน (เมล็ด)
  3. เนื้อไม้ใช้ปรุงเป็นยาหอมลม รักษาท้องขึ้น อืดเฟ้อ จุกเสียด (เนื้อไม้) 
  4. ใช้เป็นยาขับลมในลำไส้ (เนื้อไม้)
  5. รากใช้ดองกับเหล้ารับประทานเป็นยาขับลมชื้นในร่างกาย (ราก) 
  6. ใช้เป็นยาแก้กระเพาะลำไส้อักเสบ ขับลมในกระเพาะลำไส้ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้ปวดท้องน้อย (ใบ, ผล, ราก, เปลือก)
  7. ตำรับยาแก้บิด จะใช้เมล็ดข่าต้นประมาณ 5-8 กรัม นำมาต้มกับใบยูคาลิปตัสประมาณ 6-8 กรัม รับประทาน (ตำรับยานี้มีสรรพคุณเป็นยาแก้ไอด้วย) (เมล็ด)
  8. เนื้อไม้ใช้ปรุงร่วมกับสะค้านและต้นดาวเรือง นำมารับประทานเป็นยารักษาฝีลม (เนื้อไม้)
  9. ใช้เป็นยาช่วยขับโลหิตและน้ำเหลือง (เนื้อไม้)
  10. ใบมีประสิทธิภาพในการห้ามเลือดและช่วยสมานแผลสด (ใบ)
  11. ใช้เป็นยาแก้ฟกช้ำ ไขข้ออักเสบ เนื่องจากมีลมชื้นเกาะติดภายใน ด้วยการใช้รากนำมาดองกับเหล้ารับประทาน (ราก)
  12. ตำรับยาแก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดเส้นเอ็น ให้ใช้รากข่าต้น 20 กรัม, เจตมูลเพลิง 15 กรัม, โกฐหัวบัว 20 กรัม, โกฐเชียง 15 กรัม และโกฐสอ 10 กรัม นำมาแช่กับเหล้ารับประทาน (ตำรับนี้ใช้เป็นยาขับลมชื้นในร่างกายได้เช่นเดียวกับการใช้รากเดี่ยว ๆ) (ราก)
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของข่าต้น 
  1. ในใบข่าต้นพบน้ำมันระเหย 2.6-3.3% มีส่วนประกอบเช่น การบูร น้ำมันเขียว น้ำมันไพล น้ำมันสน เป็นต้น
  2. ในเมล็ด กิ่ง เปลือกต้น และรากข่าต้น พบน้ำมันระเหยประมาณ 2-4% ในน้ำมันระเหยพบ Safrale 60-95%, Eugenol (น้ำมันกานพลู), Cinnamic Aldehyde และ B-pinene Phellandrene
ประโยชน์ของข่าต้น
  1. ใช้ทำเป็นไม้ตีพริก เพื่อทำให้พริกมีกลิ่นหอม และใช้เป็นยาขับลมในลำไส้ด้วย
ข้อมูลจากเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)