- กระเทียม (หอมขาว หอมเทียม เทียม)
- ส่วนที่ใช้ : กระเทียมสด
- วิธีใช้ : ใช้รับกินเป็นอาหาร สําหรับผู้ที่มีระดับไขมันในเลือดสูง โดยให้กินครั้งละ 5 กรัม (ประมาณ 5-7 ลิป) วันละ 3 ครั้ง พร้อมอาหาร หรือ หลังอาหารเป็นเวลา 1 เดือน แล้วให้กินต่อไปวันละ 5 กรัม (ประมาณ 5 – 7 กลีบ)
- มะระขี้นก (มะระเล็ก ผักไห่ มะไห่ ผักเหย)
- ส่วนที่ใช้ : ผล
- วิธีใช้ : นําผลสดมาปั้นหยาบๆคั้นเป็นน้ำสมุนไพรดื่ม หรือนําผลมาปรุงเป็นอาหาร เช่น ผัด ต้ม แกง เป็นต้น
- แมงลัก (มงลัก ก้อมก้อขาว)
- ส่วนที่ใช้ : เมล็ด
- วิธีที่ใช้ : ใช้เมล็ด 1 – 2 ช้อนชา นํามาแช่น้ําจนพองตัว เต็มที่ก่อนกิน ควรกินก่อนนอน
ข้อควรระวัง : การแช่เมล็ดแมงลักในน้ำต้องให้มีปริมาณน้ำที่มากพอ เพื่อให้เมล็ดพองตัวเต็มที่ ซึ่งถ้าเมล็ดแมงลักไม่พองตัวเต็มที่ เมื่อกินเข้าไปแล้วจะดูดน้ำในกระเพาะอาหาร และลําไส้ เมื่อเมล็ดพองตัว จะทําให้เกิดการแข็ง และอุดตัน ของกากอาหารมากยิ่งขึ้น
- ขมิ้นชัน (ขมิ้น ขมิ้นแกง ขมิ้นอ้อย)
- ส่วนที่ใช้ : เหง้า
- วิธีที่ใช้ : ฝานขมิ้นตากแดด บดเป็นผง แล้วปั้นเป็นลูกกลอน กินครั้งละ 2 – 3 เม็ด วันละ 3 – 4 ครั้ง หลังอาหาร
1.ใบบัวบก หรือ ผักหนอก สรรพคุณแก้ช้ำใน แก้อ่อนเพลีย บำรุงร่างกาย คลายความเมื่อยล้า บำรุงหัวใจ และตามตำราอายุรเวทของอินเดีย มีสรรพคุณช่วยบำรุงสมอง ทั้งนี้จากการศึกษาวิจัยของนักวิจัยไทยและอินเดีย พบว่า สารสกัดจากใบบัวบกสามารถเพิ่มความจำและปรับสภาพอารมณ์ในผู้สูงอายุที่มีสภาวะความจำเสื่อมเล็กน้อย รวมถึงมีฤทธิ์เพิ่มขีดความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กพิการทางสมองได้อีกด้วย
2.พรมมิ หรือผักมิ มีสรรพคุณบำรุงประสาทและสมอง ตามตำราอายุรเวทอินเดีย นอกจากนี้ ในทางการแพทย์อายุรเวทมีการนำพรมมิมาใช้รักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและสมอง เช่น โรคลมชัก ลมบ้าหมู เป็นยาบำรุงประสาท และส่งเสริมการทำงานของสมองในด้านการจดจำ เนื่องจากมีสารสำคัญที่มีการศึกษามากที่สุด คือ Bacoside A และ Bacoside B ซึ่งมีผลในการเพิ่มประสิทธิภาพความจำและการตัดสินใจ ช่วยปกป้องเซลล์สมอง ต้านความจำเสื่อม ช่วยให้นอนหลับสบาย ป้องกันอาการชักและลดความวิตกกังวล เป็นต้น
1. โสม ที่มีการใช้กันมากคือโสมเกาหลีแดง ใช้โสมเพื่อป้องกันการเสื่อมของเซลล์ประสาทในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะความจำเสื่อมได้ ซึ่งอาจใช้เป็นการประกอบอาหารทั่วไปหรือใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
2.ใบแปะก๊วย มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงเช่นเดียวกับโสม คือเพิ่มเอนไซม์กำจัดอนุมูลอิสระ และจับโลหะหนักทั้งในเซลล์ทั่วไปและเซลล์สมองด้วย การใช้แปะก๊วยอาจให้ผลดีต่อการลดระดับน้ำตาลในเลือดเมื่อให้เสริมกับการรักษาหลัก
ควรระวังอีกทั้งควรเลือกแปะก๊วยที่มีการผลิตที่น่าเชื่อถือเพื่อลด ginkgotoxin ที่อาจปนเปื้อนในใบแปะก๊วย เนื่องจากส่งผลต่อการทำงานของ pyridoxine เป็นผลให้เกิดพิษต่อระบบประสาทและควรระมัดระวังในการใช้ร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือดเนื่องจากเสริมฤทธิ์กันอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้าเลือดหยุดไหลยากได้
3.เห็ดหลินจือ เห็ดหลินจือถูกใช้อย่างแพร่หลายในประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี มีสารสำคัญจำนวนมากที่ออกฤทธิ์ชะลอวัยมีฤทธิ์
- ต้านอนุมูลอิสระสูง
- ชะลอการตายจากอนุมูลอิสระ
- ป้องกันการตายของเซลล์ประสาทจาก
- เพิ่มโอกาสความอยู่รอดของเซลล์ต่อสารอนุมูลอิสระและจากภาวะเมทาบอลิกในเซลล์ตับได้
4.เจียวกู่หลาน ใบเจียวกู่หลานประกอบด้วยสารหลายชนิด ส่งผลต่อการชะลอวัย เจียวกู่หลานออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ lipoprotein lipase เพื่อลดการสร้าง LDL กระตุ้นการเผาผลาญน้ำตาลและไขมันผ่าน AMPK และต้านอนุมูลอิสระและลดการสร้างสารสื่ออักเสบในสมอง เพื่อควบคุมสัญญาณการตายของเซลล์สมอง เจียวกู่หลานมีแนวโน้มเป็นสมุนไพรช่วยลดระดับน้ำตาลได้ ทั้งนี้ควรระวังการใช้ในผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ และในประเทศไทยมีรายงานการปนเปื้อนโลหะหนักในเจียวกู่หลานอยู่มาก จึงควรเลือกใช้อย่างระมัดระวังมากขึ้น
5.ขมิ้นชัน ต่อด้านการต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ยับยั้งเซลล์มะเร็ง เป็นเป้าหมายของการชะลอวัย สามารถยับยั้งการอักเสบในโรคข้อเสื่อมได้ ขมิ้นชันทำให้หลอดเลือดตอบสนองต่อสารที่มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดมากขึ้น
ขมิ้นชันอาจทำให้มีอาการคลื่นไส้ท้องเสีย ปวดหัว นอนไม่หลับ ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีการอุดตันของท่อน้ำดี และระมัดระวังในการใช้ร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด เนื่องจากเสริมฤทธิ์กันอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้า เลือดหยุดไหลยากได้
6. เรสเวอราทรอล เรสเวอราทรอลเป็นสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มโพลิฟีนอล พบมากในไวน์แดง ผลไม้ ตระกูลเบอร์รี่บางชนิด บางส่วนของพืชตระกูลถั่ว และผักไผ่ญี่ปุ่น สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานสมองได้ เรสเวอราทรอลเป็นสารที่มีความปลอดภัยสูง
อ่านหนังสือออนไลน์ ผักสมุนไพร